วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

น่านใต้ศิลปกรรมสายธารแห่งชีวิต : บทสะท้อนจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ


นิทรรศการศิลปะ น่านใต้ศิลปกรรมสายธารแห่งชีวิต : บทสะท้อนจากต้นน้ำ สู่ ปลายน้ำ

หอศิลป์ตาดูขอแนะนำและเชิญร่วมงาน
นิทรรศการศิลปะน่านใต้ศิลปกรรมสายธารแห่งชีวิต : บทสะท้อนจากต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ

จัดแสดงในระหว่าง วันที่ 24 – 31 ธันวาคม 2553
ณ หอศิลป์ตาดู ชั้น 4 อาคารหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ปทุมวัน กรุงเทพ ฯ

โดยจัดพิธีเปิด : ในวันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2553 เวลา 16 .00 น.
และเวทีเสวนา : วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 13.00 - 17.00 น.

ร่วมจัดและสนับสนุนโดย
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ชมรมเยาวชนศิลปะโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์น่าน
สมาคมศิลปินน่าน
และหอศิลป์ตาดู

มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ร่วมกับ ชมรมเยาวชนศิลปะโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์น่าน สมาคมศิลปินน่าน และ หอศิลป์ตาดู กรุงเทพมหานคร ขอนำเสนอนิทรรศการผลงานศิลปะของเด็ก เยาวชน จาก 2 พื้นที่ คือ พื้นที่แรก ต้นน้ำน่านใต้ แห่ง ชมรมศิลปะโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ ที่ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในแนวทางงานจิตรกรรมเพื่อถ่ายทอดถึงเรื่องราว ความประทับใจ และชีวิตของเยาวชนที่มีความผูกพันกับต้นน้ำ แม่น้ำน่านใต้ ที่อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน กระทั่งถึงการสร้างผลงานศิลปะที่สะท้อนสู่ปัญหาวิกฤติของแม่น้ำน่าน และ ป่าต้นน้ำที่ถูกทำลายไปด้วยน้ำมือมนุษย์อันเนื่องจากกระบวนการ การพัฒนาตามกระแสของโลกาภิวัตน์ ในแบบที่เบียดเบียนธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ชุมชน และโลก ซึ่งนักเรียนจากชมรมเยาวชนศิลปะโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์น่าน เป็นนักเรียนชนเผ่า ที่มีความแตกต่าง หลากหลายทางอัตลักษณ์ ชาติพันธุ์ และ วัฒนธรรม หากแต่ชีวิตล้วนผูกพันอยู่กับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม แม่น้ำและป่าต้นน้ำ จึงได้รวมกลุ่มกันเป็นชมรมศิลปะ และสร้างสรรค์ผลงานศิลปะโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการอนุรักษ์และการถ่ายทอดเรื่องราวคุณค่า ความหมายของแม่น้ำ ป่าต้นน้ำ และสิ่งแวดล้อม

ในนิทรรศการครั้งนี้ เยาวชนจากชมรมเยาวชนศิลปะแห่งโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ รวมถึงศิลปินรับเชิญชาวน่าน จะสะท้อนเรื่องราวของแม่น้ำน่าน สายธารแห่งชีวิต ผ่านผลงานจิตรกรรมจำนวน กว่า 30 ชิ้น ซึ่งผลงานทั้งหมดเป็นผลมาจากการเดินทางล่องน้ำน่านใต้ สู่ ดอยเสมอดาว ของเหล่าสมาชิกชมรม ร่วมกับศิลปินรับเชิญ จนสร้างเป็นผลงานและเคยนำมาจัดแสดงสู่สายตาและการรับรู้ของสาธารณะชนมาครั้งหนึ่งแล้ว ณ เทศบาลตำบลเวียงสา จังหวัดน่าน มาบัดนี้ จักได้นำผลงานทั้งหมดมาจัดแสดงอีกครั้ง สู่การรับรู้และการถ่ายทอดเรื่องราวให้แก่ประชาชนที่อยู่ปลายน้ำอย่างในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้รับรู้และเห็นถึงคุณค่าและความหมายของบทสะท้อนจากแม่น้ำน่าน สายธารแห่งชีวิตผ่านผลงานศิลปะอีกครั้ง
ที่สำคัญคือ นิทรรศการครั้งนี้ จะได้มีการจัดเวทีเสวนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันของคนต้นน้ำในหลายภูมิภาค ที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวของความสำคัญและบริบทของปัญหา รวมถึงการร่วมกันเสนอแนวทางเพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์และฟื้นฟูแม่น้ำและป่าต้นน้ำให้เกิดความยั่งยืนขึ้นต่อไป

สำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของเด็ก และ เยาวชน นิทรรศการครั้งนี้ ยังจะจัดให้สลับด้วยเวทีเสวนาของเด็กและเยาวชนจากต้นน้ำน่าน มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ เยาวชนที่อยู่ปลายน้ำ โดยจะมีการนำเสนอผลงานศิลปะที่สะท้อนถึงเรื่องราว และทัศนคติ มุมมอง ที่เยาวชนที่อยู่ปลายน้ำมีต่อ แม่น้ำ ผ่านการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะภาพเคลื่อนไหวในหลากหลายรูปแบบของ เยาวชนจาก โรงเรียนสาธิต แห่ง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร แผนกมัธยม ที่จะนำผลงานของพวกเขา / เธอ มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ นำเสนอ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันด้วย

นิทรรศการศิลปะน่านใต้ศิลปกรรมสายธารแห่งชีวิต : บทสะท้อนจากต้นน้ำ สู่ ปลายน้ำ จะทำการจัดแสดงในระหว่าง วันที่ 24 – 31 ธันวาคม 2553 ณ หอศิลป์ตาดู ชั้น 4 อาคารหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ปทุมวัน กรุงเทพ ฯ โดยจะมีการจัดพิธีเปิดในวันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2553 เวลา 16 .00 น. และ มีการจัดเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ในวันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 13.00 - 17.00 น.

นิทรรศการศิลปะ น่านใต้ศิลปกรรมสายธารแห่งชีวิต : บทสะท้อนจากต้นน้ำ สู่ ปลายน้ำ ร่วมจัดและสนับสนุนโดย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ชมรมเยาวชนศิลปะโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์น่าน สมาคมศิลปินน่าน และ หอศิลป์ตาดู

Back to nature โดย วัลลภ หาญสันเทียะ


Back to nature โดย วัลลภ หาญสันเทียะ
วันที่ 5 - 31 มกราคม 2554 (เวลา 10.00 -19.00 น.)
แสดงที่ ก้อย อาร์ต แกเลอรี่ 43/12 ซอยสุขุมวิท 31 (ซอยสวัสดี) เขตวัฒนา กรุงเทพฯ

ก้อย อาร์ต แกเลอรี่ นำเสนอ Back to nature ผลงานจิตรกรรมสองมิติ โดย วัลลภ หาญสันเทียะ ศิลปินหนุ่มอารมณ์ดี ถ่ายทอดลักษณะท่วงท่า ลีลา และพลังแห่งสีสันของธรรมชาติจากจินตนาการ และส่วนลึกของจิตใจที่ผูกพันกับธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่น เป็นแรงบันดาลใจให้สร้างสรรค์งานศิลปะเชิงบวก

ผลงานชุดล่าสุดของ วัลลภ ศิลปินหนุ่มอารมณ์ดี มากความสามารถจากรั้วคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เกิดขึ้นจากความต้องการที่จะตอบสนองต่อจิตใต้สำนึกที่เรียกร้องให้หวนคืนสู่ ธรรมชาติ ซึ่งเปรียบเสมือนห้องเรียนที่กว้างใหญ่สำหรับการเรียนรู้ที่ไม่เคยจบสิ้น อีกทั้งยังเตือนให้คิดถึงชีวิตในวัยเยาว์ของศิลปินที่เติบโตมาอย่างเรียบ ง่ายและเปี่ยมสุขท่ามกลางสายน้ำและขุนเขา โดยแต่ละรูปในผลงานชุดนี้ จะบอกเล่าถึงเรื่องราวและประสบการณ์ที่ดีจากธรรมชาติ โดยได้ตั้งใจถ่ายทอดความประทับใจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ หรือดอกไม้ที่น่าสนใจ ผ่านเทคนิคการใช้สีสดใส และทีแปรงที่มีความชัดเจนในงาน เพื่อสร้างความเต็มอิ่ม ตื่นเต้น สนุกสนาน ในการถ่ายทอดอารมณ์ ความงาม และความรู้สึกกับงานศิลปะ เพื่อแบ่งปันความสุข สนุกสนานกับเรื่องราวและสีสันแห่งธรรมชาติ ให้กับผู้ชมงาน



Koi Art Gallery Bangkok
43/12 soi Sukhumvit 31 Sawaddee
Klongton North, Wattana
Bangkok 10110 THAILAND
P +66 (0) 2662.3218 F +66 (0) 2662.3219
koi@koiartgallerybangkok.com
www.koiartgallerybangkok.com

วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

“แค่นี้พอ – Just This” โดย ตระกูล คำมงคุณ


นิทรรศการ “ แค่นี้พอ – Just This ”

โดย ตระกูล คำมงคุณ Trakul Khammongkhun

เปิดวันที่ 18 มกราคม 2554 (เวลา 18.00 น.)

นิทรรศการจัดแสดงระหว่างวันที่ 18 มกราคม – 22 กุมภาพันธ์ 2554
18 January – 22 February 2011

ณ ธีโอลี ดี วอล์ค ออฟ อาร์ต สเปซ (Teeoli_d’ walk of art space)

“แค่นี้พอ - วิถีความสุขและการกล่อมเกลาจิตใจ ให้ใสสะอาด ระงับมูลเหตุแห่งพันธนาการความทุกข์ทั้งมวล”

“สภาวะจิตใจและความแปรปรวนทางอารมณ์ที่ไม่นิ่ง อันเนื่องมาจากผลกระทบรุมเร้ารอบด้านในสังคม ไม่ว่าจะด้วยพลวัตทางเศรษฐกิจและวัตถุนิยม ได้ส่งผลสู่การต้องดิ้นรนเพื่อหาทางออกและดำรงเลี้ยงชีพในท่ามกลางสภาวการณ์ปัจจุบันปัญหามากมายที่เกิดขึ้นทำให้อดคิดไม่ได้ว่า จะทำอย่างไรจึงสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเหล่านั้นลงได้ นัยแห่งเป้าหมายก็เพื่อต้องการให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งทุกข์ ทั้งทุกข์กายและทุกข์ภายในจิตใจด้วยเหตุนี้เองทำให้ข้าพเจ้าหวนนึกถึงภาพความทรงจำวัยเด็กในอดีต เครื่องแขวน(Mobile) ปลาตะเพียนตัวน้อยใหญ่เหนือเปลของแม่ที่ แม่ใช้เป็นเสมือนอุบายวิธี-วิถีสู่ความสุขสงบ ขณะที่ห้วงแห่งเวลาและสภาวการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมสิ่งเดียวกันนี้ได้หวนกลับคืนมาอีกครั้งสู่การอาศัยใช้เป็นสื่อแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานในมุมมองใหม่และรูปแบบลักษณะใหม่ที่ต่างไปจากเดิม ประกอบกับสื่อสิ่งเดียวกันนี้ยังเปรียบเสมือนเป็นอุบายวิธีหรือเจตนาที่ข้าพเจ้ามุ่งแฝงนัยถึงการกล่อมเกลาจิต เพื่อให้จิตสุขสงบ ใสสะอาด และเป็นจิตสงบที่ระงับมูลเหตุแห่งพันธนาการความทุกข์ทั้งมวล”




จากข้างต้นที่กล่าวมา นิทรรศการ “แค่นี้พอ” เป็นนิทรรศการที่มองคุณค่าของความสุขสงบทางจิตใจ ในผลงานเพื่อหาแนวทางกล่อมเกลาจิตใจผู้คนให้ มีความสุขพอใจในความสงบ ตามวิถีแห่งความพอเพียง ในฐานะที่ศิลปินเป็น ศิลปินและนักศึกษาปริญญาโท คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ดังนั้นผลงานที่นำมาแสดงจึงเป็นผลงานที่ผ่านกระบวนการเรียนจนถึงปัจจุบันออกสู่สายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรก จัดขึ้นเพื่อนำประสบการณ์และความรู้ที่มีมาพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ ผ่านงานศิลปะ
โดยมุ่งเน้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเป็นวิทยาทาน แก่นักเรียน นักศึกษาและผู้เข้าชมผลงานสืบไป

Hope in the Dark โดย อนุพงษ์ จันทร





Hope in the Dark โดย อนุพงษ์ จันทร
December 16, 2010 - January 30, 2011


นำเสนอผลงานจิตรกรรมโดยศิลปินมากฝีมือ อนุพงษ์ จันทร ภายใต้แนวความคิดเกี่ยวกับคติความเชื่อทางพุทธศาสนา ในบริบททางสังคมที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย ทั้งในทางเสียดล้อพฤติกรรมหลงผิดจากหลักธรรมคำสอนอันดีงาม และความเพียรแห่งมนุษย์ที่ยึดถือความสุจริตเป็นที่ตั้ง ตามพื้นฐานทางศีลธรรมที่ก่อเกิดจากความเชื่อความศรัทธาว่าด้วยเรื่องบุญ-บาป ซึ่งส่งผลจากการกระทำและเจตนาแท้จริงของมนุษย์




โหยสยาม ไทยประดิษฐ์ โดย สุธี คุณาวิชยานนท์


โหยสยาม ไทยประดิษฐ์ โดย สุธี คุณาวิชยานนท์
พิธีเปิด: 23 ธันวาคม 2553 เวลา 18.00 น.(พบศิลปินกับการเขียนภาพสดบนผนังดำ พร้อมรับสูจิบัตร)
ระยะเวลา: 16 ธันวาคม 2553 -15 มกราคม 2554
กิจกรรม: การเขียนภาพสดบนผนังดำ ระหว่างวันที่ 16 - 23 ธันวาคม 2553 (กรุณานัดหมายล่วงหน้า)
สถานที่: Number 1 Gallery, อาคารเดอะสีลมแกลเลอเรีย กรุงเทพฯ

“โหยสยาม ไทยประดิษฐ์ “
ศิลปะร่วมสมัยที่ชวนให้โหยหาอดีต
ในยุคที่สรีระของประเทศกำลังยืดหด
และไทยกำลังจะเป็นชาติมหาอำนาจ



นัมเบอร์วันแกลลอรี่ ยินดีนำเสนอ นิทรรศการ ศิลปะร่วมสมัยโดย สุธี คุณาวิชยานนท์ ศิลปินที่สร้างชื่อจากการชวนให้คนดูมาช่วยบริจาคลมหายใจโดยการเป่าลมต่อชีวิตให้ช้าง ควายและพยัคฆ์ร้าย (ปี 2541) นอกจากนั้นแล้ว สุธียังเคยสร้างห้องเรียนประวัติศาสตร์การเมืองให้คนทุกเพศทุกวัยได้เข้ามาเป็นนักเรียน เพื่อขูดพิมพ์ตำราประวัติศาสตร์และสร้างความทรงจำของตนเอง (ปี 2543) สุธีเคยได้รับการคัดสรรเข้าร่วมแสดงในนิทรรศการนานาชาติเช่น ลิเวอร์พูล ไบเนียล (Liverpool Biennial of Contemporary Arts) ประเทศอังกฤษ พิพิธภัณฑ์ชั้นนำที่เก็บสะสมผลงานของเขามีอาทิ โมริ อาร์ต มิวเซียม (Mori Art Museum) และ ฟุคุโอกะ เอเชี่ยน อาร์ต มิวเซียม (Fukuoka Asian Art Museum) ประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ อาร์ต มิวเซียม (Singapore Art Museum) ประเทศสิงคโปร์ และ ควีนส์แลนด์ อาร์ต แกลเลอรี่ (Queensland Art Gallery) ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 2549 สุธีได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลแดง มนัส เศียรสิงห์ ครั้งที่ 2 จากสถาบันปรีดี พนมยงค์

โหยสยาม ไทยประดิษฐ์ คือนิทรรศการเดี่ยวล่าสุดของ สุธี คุณาวิชยานนท์ ในครั้งนี้สุธีจะเชิญชวนให้ท่านได้มาแอบดู “ไทยใหม่” ในอดีต ในยุคที่ทหารและศิลปะกำลังช่วยกันสร้างชาติ ในสมัยที่พรมแดนของประเทศกำลังถูกขีดเขียน รูปทรงเอวองค์ของประเทศกำลังผันแปรยืดหด เป็นยุคที่หมวกและรองเท้ากำลังจะนำไทยไปสู่มหาอำนาจและเลือดรักชาติกำลังฉีดซ่าน

โหยสยาม : สยามประเทศในยุคโบราณ เป็นยุคที่เราคนไทย (และหรือตัวข้าพเจ้า สุธี) มองด้วยสายตาแบบโหยหาอดีต เป็นทั้งยุคสยาม-ไทยแบบดั้งเดิมที่เรามักนึกถึงว่าเป็น “ไทย” แบบแท้ๆ งดงามรุ่งเรืองและเป็นยุคที่สยามเริ่มปรับตัวให้ทันสมัยแบบฝรั่ง เป็นสยามใหม่ที่มีกลิ่นไอฝรั่ง แต่ก็ยังคงความสง่างามคลาสสิกแบบราชสำนัก



กล่าวโดยสรุป โหยสยาม คือ การโหยหาสยาม-ไทยแท้ ไทยแท้ที่อ่อนช้อยแสดงออกถึงความเป็นไทยแบบ “สยามคลาสสิก” ซึ่งหมายรวมไปถึงยุคของกรุงศรีอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์ที่สยามมีอาณาเขตยิ่งใหญ่กว้างขวาง (ตามที่คุณครูได้พร่ำสอนเรามาในโรงเรียน)
ไทยประดิษฐ์ : การประดิษฐ์สร้างไทยใหม่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เป็นการสร้างทั้งรัฐชาติไทยใหม่ที่มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ราษฎรมีความเสมอภาคและมีสิทธิมีเสียงทางการเมือง และทั้งยังเป็นการก่อร่างสร้างไทยใหม่ด้วยศิลปวัฒนธรรมที่ทันสมัยเป็นสากล


การประดิษฐ์ชาติไทยขึ้นใหม่นี้ยังรวมไปถึงการเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นประเทศไทย และยังมีการพยายามสร้างความเป็นไทยให้เป็นรูปธรรมแบบหนึ่งเดียว ทั้งทางวัฒนธรรม เช่น เครื่องแต่งกาย เชื้อชาติ และทั้งความเป็นไทยทางเส้นอาณาเขตของประเทศ
ไทยประดิษฐ์คือยุคที่เกิดการโหมสร้างไทยใหม่อย่างเข้มข้นและมีสีสันมากที่สุดเป็นยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.2475 มาจนถึงพุทธทศวรรษ 2490 ซึ่งครอบคลุมยุคคณะราษฎรและหรือยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม

กล่าวโดยสรุป ไทยประดิษฐ์ คือประเทศไทยยุคสร้างชาติไทยใหม่ที่เต็มไปด้วยการประดิษฐ์สร้างอัตลักษณ์ใหม่ๆ ซึ่งมักจะถูกโจมตีว่าไม่เป็นไทยและไร้รสนิยม ไทยประดิษฐ์คือความสมัยใหม่-ทันสมัย เข้มแข็งเป็นระเบียบ เสมอภาคเท่าเทียม ถูกประดิษฐ์สร้างขึ้นใหม่ มีความบริสุทธิ์เป็นอุดมคติราวกับเป็นยูโธเปีย

โหยสยาม ไทยประดิษฐ์ นิทรรศการซึ่งประกอบด้วยศิลปะจัดวางหุ่นปูน 600 ตัวประกอบภาพเคลื่อนไหวแบบสต๊อปโมชั่น การแสดงวิดีโอเพอร์ฟอร์มานซ์เขียนภาพวาดเส้นบนผนังดำขนาดมหึมา ในบรรยากาศที่อบอวลด้วยคำขวัญยุค “มาลานำไทยสู่มหาอำนาจ” และกิจกรรมที่เชิญชวนให้คนดูทุกวัยได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขีดเขียนแผนที่สร้างชาติ ท่ามกลางเสียงเพลงปลุกใจยุคสร้างชาติ และการเขียนภาพสดบนผนังดำ

รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ คุณกรกต ศรีดี
โทร : (083) 445 8333,(02) 630 2523
www.number1gallery.com

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Live, Love & Let Die’ โดย นีโน่ สุวรรณี สาระบุตร



Nino Sarabutra
January 20, 2011 - February 20, 2011

นีโน่ สุวรรณี สาระบุตร ชอบเล่นหัวและยั่วเย้ากับอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน ในงานแสดง ‘Live, Love & Let Die’ เธอจะท้าทายความรู้สึกของคนดูลึกเข้าไปอีกขั้น

‘Live, Love & Let Die’ เป็นการจัดวางร่วมกันระหว่างซีรี่ส์ของก้น ผนังแห่งหัวใจ และหัวกะโหลกเรืองแสงอีกมากมาย ทั้งก้น หัวใจ และกะโหลก จะเชื่อมโยงกันด้วยผีเสื้อหลายร้อยตัวแทนความงดงามของชีวิต ความรัก และความตาย

ไม่ว่าจะเป็นก้น หัวใจ หัวกะโหลก หรือผีเสื้อเซรามิค ก็ล้วนแต่แข็งแกร่ง งดงาม บอบบาง และแตกหักได้ง่ายทั้งนั้น แต่ละชิ้นปั้นขึ้นรูปด้วยมือจากดินสโตนแวร์ และ พอร์ซเลน เผาด้วยความร้อนสูง 1,200 – 1,250 องศาเซลเซียส นอกจากจะเป็นงานประติมากรรมเซรามิคแล้ว ก้นบางก้นก็สามารถใช้ปักดอกไม้เป็นแจกัน บางก้นเป็นโคมไฟ หัวใจก็อาจใช้เป็นชามผลไม้ และหัวกะโหลกก็สามารถใช้เป็นโคมไฟได้

นี่เป็นการจัดแสดงเดี่ยวครั้งที่ ๓ ของ สุวรรณี สาระบุตร สำหรับผลงานการจัดแสดงที่ผ่านมาสามารถชมได้ที่ www.ninosarabutra.com


นีโน่ สุวรรณี สาระบุตร
Education:

2006 Certificate of Fashion Design and Marketing
Central Saint Martins College of Art and Design, London

1998 Diploma of Haute Couture
Alliance Française, Bangkok

1997 Certificate of Prêt A Porter
Alliance Française, Bangkok

1992 ปริญญาตรี ศิลปะบัณฑิต ภาควิชาออกแบบเครื่องเคลือบดินเผา
มหาวิทยาลัยศิลปากร

1987 จบการศึกษาระดับมัธยมปลาย จากโรงเรียนนนทรีวิทยา กรุงเทพฯ

Exhibition:

มีนาคม 2010 ‘Turn Me On’ การแสดงเดี่ยวที่ Rotunda & Garden Gallery, กรุงเทพฯ
เมษายน 2009 ‘Exploring Love’ การแสดงเดี่ยวที่ENJOY-Studio 5, ภูเก็ต
กุมภาพันธ์ 2009 ‘Exploring Love’ การแสดงเดี่ยวที่ Rotunda & Garden Gallery, กรุงเทพฯ
2003 The Sculpture Academy, กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ, Lecturer and Ceramics Artist in Residence
2003 ร่วมแสดงผลงานที่Quay Art Centre, the Isle of Wight ประเทศอังกฤษ
1991 ร่วมแสดงผลงานนิทรรศการเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ กรุงเทพฯ
1990 ร่วมแสดงผลงานนิทรรศการเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ กรุงเทพฯ
1990 ร่วมงานกับ บ.เวนิชเซรามิกซ์ ในตำแหน่ง Ceramic Designer

Experience and Awards:

ADVERTISING CAREER

2008-ปัจจุบัน The Bandits Bangkok, ที่ปรึกษา
2006-ปัจจุบัน Maxima Kiev, ประเทศยูเครน, Creative Coach
2005-2006 24 SEVEN, กรุงเทพฯ กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์
2003-2004 เข้ม คอมมิวนิเคชั่น กรุงเทพฯ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์
2003-ปัจจุบัน นิตยสาร Campaign Brief Asia, Australia, Thailand Correspondent
1995-2002 Leo Burnett, Bangkok, Senior Copywriter
1994-1995 Thai Image & Asatsu, Copywriter
1991-1993 เข้ม คอมมิวนิเคชั่น กรุงเทพฯ Copywriter

นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “Soft Power”




นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “Soft Power”
16 ธันวาคม 2553 – 15 กุมภาพันธ์ 2011
ห้องสตูดิโอ ชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร กรุงเทพฯ

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงเป็นประธานเปิดนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ Soft Power (ซอฟท์ พาวเวอร์) พร้อมทรงจัดแสดงแฟชั่นโชว์ผลงานชุดชั้นในทรงออกแบบ PRINCESS COLLECTION ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นพิเศษที่ทรงจัดทำขึ้นเพื่อหารายได้สมทบทุนการสร้างศูนย์มะเร็งเต้านม ณ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
























จากการที่พระองค์หญิงได้เสด็จเยี่ยมผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทรงได้รับทราบปัญหาในการดำเนินงานของสถาบันฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการจัดหาทุนสร้างศูนย์มะเร็งเต้านม ในฐานะที่ทรงเป็นนักออกแบบ จึงมีดำริจะให้ความช่วยเหลือในการระดมทุนสร้างศูนย์มะเร็งเต้านมด้วยการออกแบบชุดชั้นในสำหรับสตรีขึ้น

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ มีรับสั่งเกี่ยวกับคอนเซ็ปท์ของการออกแบบ PRINCESS COLLECTION ว่า “การสวมใส่ชุดชั้นในเป็นเหมือนรากฐานจากภายในของผู้หญิง ดีไซเนอร์จึงเปรียบเสมือนผู้ออกแบบโครงสร้างและสรีระ หากรากฐานภายในมั่นคงสวยงาม ย่อมเป็นความงามจากภายในสู่ภายนอก ข้าพเจ้าให้ความสำคัญกับสี การตัดเย็บ และวัสดุที่นำมาตัดเย็บเป็นหลัก และเนื่องด้วย PRINCESS COLLECTION เป็นการออกแบบชุดชั้นในครั้งแรก ข้าพเจ้าจึงสร้างสรรค์การตัดเย็บที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยต้องเป็นชุดชั้นในที่ทุกคนใส่สวย มีความทันสมัย มีไสตล์การตัดเย็บแบบใหม่ และที่สำคัญคือเป็นคอลเลคชั่นที่เป็นแฟชั่นชั้นสูง”






















พระองค์หญิง มีรับสั่งต่อว่า “การออกแบบชุดชั้นในมีความละเอียดอ่อนซับซ้อน แตกต่างจากการออกแบบเสื้อผ้า เพราะมีรายละเอียดเยอะมาก ต้องเนี้ยบมาก เพราะเหมือนการสร้างรากฐานให้ผู้หญิงมีสรีระสวยงาม การทำชุดชั้นในจึงไม่ใช่แค่การตัดเย็บเฉยๆ เพราะหากโครงผิด หรือวางลูกไม้ผิดนิดเดียว งานจะออกมาดูแก่ทันที เนื่องจากชุดชั้นในชิ้นเล็กมาก สัดส่วนเพียงแค่ 1 หรือ 2 มิลลิเมตรก็มีผลต่อการออกแบบ ซึ่งข้าพเจ้าต้องการออกแบบชุดชั้นในให้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ผู้หญิงทุกคนต้องการคือ สวย สวมใส่สบาย ทันสมัย และไม่แก่”

และแล้วช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อรันเวย์ที่ดีไซน์เป็นเวทีรูปทรงสี่เหลี่ยมประดับกระจกยกสูงได้เปิดขึ้น เพื่อให้ผู้ชมทุกคนสามารถชมแฟชั่นโชว์ได้อย่างใกล้ชิดรอบด้าน และตื่นตาตื่นใจไปกับแฟชั่นโชว์ชุดชั้นใน

วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

หอศิลป์กรุงไทยจัดแสดงภาพพิมพ์ประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ 9 รัชกาล


หอศิลป์กรุงไทยจัดแสดงภาพพิมพ์ประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ 9 รัชกาล

หอศิลป์กรุงไทย ร่วมกับภาควิชาภาพพิมพ์ คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และบมจ.ปตท. จัดแสดง นิทรรศการศิลปะ 35 ภาพพิมพ์ประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ 9 รัชกาล เพื่อเทิดพระเกียรติและเฉลิมฉลอง ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชย์สมบัติครบ 60 พรรษาในปี พ.ศ.2549 และจะทรงมีพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา ในปี พ.ศ.2554 รวมทั้งเผยแพร่พระเกียรติคุณของราชวงศ์จักรี โดยได้รับพระกรุณาจาก พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เสด็จเป็นองค์ประธานพิธีเปิด ในวันอังคารที่ 21 ธันวาคม 2553 เวลา16.00 น. ณ หอศิลป์กรุงไทย

นิทรรศการศิลปะ 35 ภาพพิมพ์เป็นผลงานของศิลปินแห่งชาติ ศิลปินชั้นเยี่ยมและศิลปินมีชื่อ 23 ท่าน ได้แก่ ศาสตราจารย์ปรีชา เถาทอง คุณชัย ราชวัตร อาจารย์สุรสิทธิ์ เสาว์คง รองศาสตราจารย์พิษณุ ศุภนิมิตร รองศาสตราจารย์ทินกร กาษรสุวรรณ รองศาสตราจารย์พัดยศ พุทธเจริญ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ไพรวัลย์ ดาเกลี้ยง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ญาณวิทย์ กุญแจทอง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ณัฏฐพล สุวรรณกุศลส่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธีรวัฒน์ งามเชื้อชิต ผู้ช่วยศาสตราจารย์อภิชัย ภิรมย์รักษ์ อาจารย์ปัญญา วิจินธนสาร อาจารย์สุพจน์ สิงห์สาย อาจารย์สุรเดช แก้วท่าไม้ อาจารย์เนติกร ชินโย อาจารย์ธงชัย ศรีสุขประเสริฐ อาจารย์ชัยรัตน์ แสงทอง อาจารย์อนุพงษ์ จันทร คุณจินตนา เปี่ยมศิริ คุณเกริกบุระ ยมนาค คุณสมภพ บุตราช คุณพงศ์ศิริ คิดดี และคุณธีรวัฒน์ คะนะมะ โดยได้ร่วมกันบันทึกเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยการสร้างสรรค์ผลงานภาพพิมพ์หลากหลายเทคนิคเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสอันสำคัญนี้

ผลงาน 35 ภาพพิมพ์ แสดงให้เห็นถึงพระราชกรณียกิจ และพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรี นับตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 9 ซึ่งได้ทรงพระราชทานให้แก่ประชาชนและชาติบ้านเมือง รวมไปถึงพระราชจริยวัตรอันงดงามที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของพสกนิกรชาวไทยไม่เคยลืมเลือน

ในโอกาสนี้ ขอเรียนเชิญท่านชม นิทรรศการศิลปะ 35 ภาพพิมพ์ประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ 9 รัชกาล ณ หอศิลป์กรุงไทย ซึ่งเปิดให้เข้าชมในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-16.00 น. และวันเสาร์ เวลา 10.00-17.00 น. จนถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2554 และใคร่ขอความอนุเคราะห์จากท่านในการเผยแพร่ข่าวสารไปสู่สาธารณชน และขอขอบคุณอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้

แผนที่การเดินทางมายังหอศิลป์กรุงไทย

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

งานคุณบรรจบหรือไม่เลวนะ เเต่น่าจะรักคนคนอื่น ให้เท...

งานคุณบรรจบหรือไม่เลวนะ เเต่น่าจะรักคนคนอื่น ให้เท่างานศิลปหน่อยก็ดี..?

วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

นิทรรศการระบำมรสุมเรอแนสซองส์ โดย ปริทรรศ หุตางกูร



นิทรรศการระบำมรสุมเรอแนสซองส์
ศิลปิน: ปริทรรศ หุตางกูร
วันที่: 18 ธันวาคม 2553 – 31 มกราคม 2554
สถานที่: ศูนย์ศิลปะฮอฟอาร์ท ถนนรัชดาภิเษก
ติดต่อ:(081) 621 1380, (089) 926 2196

ศูนย์ศิลปะฮอฟอาร์ท ขอเชิญชมงานนิทรรศการศิลปะระบำมรสุมเรอแนสซองส์ (Monsoon Dancing Renaissance) โดย ปริทรรศ หุตางกูร (Paritas Hutanggura) ศิลปินและนักเขียนชิงซีไรท์ งานนิทรรศการนี้เป็นการรวบรวมผลงานตกผลึกจากวิถีชีวิตระหว่างชาวตะวันตกและ คนไทยชาวใต้ ที่กลายสภาพเป็นวัฒนธรรมผสมผสานจนไร้ซึ่งจุดยืน ซึ่งศิลปินสะท้อนมาในรูปแบบของงานจิตรกรรมอันงดงาม ที่จะมาบำบัดและเยียวยาจิตใจคนไทยด้วยสุนทรียภาพของศิลปะ


ฉากพรรณาแบบเรอแนสซองส์ที่ศิลปินใช้พลังสมจริงแบบ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ เพื่อโน้มนำผู้ชมสู่ดินแดนที่เสกสร้างสรรค์แต่งจาก 3 อัจฉริยะคือ เลโอนาโด ดาวินซี, มิเคลันเจโล, ราฟาเอล ก่อนคลี่คลายสู่ ท่วงทำนองแบบกวีโดยเรอแนสซองส์รุ่นหลังคือ จอโจเน, ทิเซียน จนถึงนาฏกรรมเร่าร้อนแบบบาโรกน้ำหนักจัดจ้านด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สู่ เนื้อหาสามัญชน ดังเช่นคาราวัจโจ, เรมบรันด์ และเคลื่อนไหวรุกเร้าแบบรูเบนส์ ฯลฯ


ซึ่งรูปแบบงานจิตรกรรม ดังกล่าวยังคงเต็มเปี่ยมรสในวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก ตามหลักสูตร ศิลปะมหาวิทยาลัย ด้วยตำรับตำรามากมายชวนใคร่รู้น่าติดตามและอย่างน่า ภาคภูมิใจ บัดนี้ได้ถูกขอหยิบยืมมาให้สาวใต้ผิวเข้ม ตาโต ผมดำ สไตล์หญิงสาวแบบโคโลเนี่ยลแทนที่สาวยุโรปทรงโตผมบลอนด์ทองมาโลดแล่นแทน และฉากหลังเป็นทิวทัศน์พืชพันธ์เมืองร้อนที่เคยถูกล่าเป็นเมืองขึ้นตลอดแนวละตีจูด 5-25 องศาเหนือและใต้ (Southeast Asia, West Africa, Caribbean, NorthSouth America) เข้าแทนทิวทัศน์แบบทุนดรา




ในเนื้อหาระบำชีวิตแห่งศตวรรษ 21 ที่จังหวะเต้นแทบคล้ายกันทั้งโลก ด้วยภาพลักษณ์และวาทกรรมสังคมการเมืองเศรษฐกิจการพัฒนา ในลีลาฆ่าแกงที่มาพร้อมลีลารักสถาบัน ในโลกสติปัญญาถูกพันธนาการด้วยตุ้มแห่งพวกมึงพวกกู กฎวินัยพรบ.คืออำนาจใหม่ๆง่ายๆที่นำออกมาเพื่อควบคุมคน ดูเหมือนอิสระเสรีเพียงอย่างเดียวที่เว้นไว้ให้อย่างครบเครื่องคือ “วัฒนธรรมบันเทิง 100%” ทั้งนำเข้า ส่งออก ซื้อขาย หากันนานับประเภทชนิดสื่อเพื่อมอมเมาทุกสีสันทวารบาลชีวิตอย่างหนำใจ เช่น ฮิปฮ็อปทาสนิโกรในทีวี นักร้องอายุน้อยๆเป็นไอดอลการศึกษา บนเกาะแก่งมีหนุ่มใต้เด้ดร็อคใช้มนต์เร็กเก้คั่วแหม่ม มีบาร์เบียร์ เห็ดขี้ควาย กัญชา ลูกหลานฝรั่งนักล่าอาณานิคมคือลูกค้ากระเป๋าหนัก โสเภณีโผล่มาแทนปลาในทะเล ชายหาดงามๆหน้าโฮเต็ล 5 ดาวห้ามผ่าน สาวน้อยวัยต่ำ 20 ประเทศไทยคือแชมป์ท้องเอเชีย ยอดปิรามิดสังคมคือการเชิดชูผู้คนจากเงินที่มี และเรื่องใหญ่ที่สุดก็คือเรื่องส่วนตัวที่มักจะใหญ่กว่าเรื่องอื่นเสมอ เช่น แบบว่าความรักที่หวังจะให้มันนานแต่มันก็ไม่นาน

ดังนั้นอีกด้านหนึ่งของภาพผลงาน “ระบำมรสุมเรอแนสซองส์” จึงเสมือนภาพพรรณนาแบบ “ระบำพาราเซ็ทตามอนเรอแนสซองส์” เพื่อเยียวยา 3 สิ่งดีๆที่เคยอ่านเจอในชีวิต มิให้ถูกทำลายหรือสลายหักพังไปมากกว่านี้ นั่นคือ 1.หัวใจ 2.คำมั่นสัญญา 3.ของเล่น

วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

นิทรรศการภาพวาดนานาชาติ ที่ทองหล่อมิดทาวน์ (Thonglor Midtown – Conceptual Store & Event)


นิทรรศการภาพวาดนานาชาติ ที่ทองหล่อมิดทาวน์ (Thonglor Midtown – Conceptual Store & Event)

ทองหล่อมิดทาวน์ ร่วมกับจิตรกรกลุ่มนิทรรศการศิลปะนานาชาติ โดยทันตแพทย์ไพฑูรย์ สุริยะวงศ์ไพศาล ผู้ประสานงานโครงการนิทรรศการภาพวาดฯ จัดนิทรรศการ ภาพวาดนานาชาติ หัวข้อ “ความจริง ความเมตตา ความอดทน” ในบริเวณโถงกิจกรรม (Thonglor Midtown - Conceptual Event Hall) ในช่วงวันที่ 14 – 19 ธันวาคม 2553

การจัดแสดงภาพวาดสีน้ำมันแนวเสมือนจริง (Realistic Oil Painting) ที่เป็น Duplicated Work จำนวน 34 ภาพ ที่มีขนาดต่างๆกัน ซึ่งมีความงดงาม บริสุทธิ์ และเรียบง่าย โดยมีสาระสำคัญสี่ประการได้แก่ ความผสานกลมกลืน การเอาชนะความทุกข์ยาก ความกล้าหาญ และความเป็นธรรม ของกลุ่มศิลปินนานาชาติ ฝ่าหลุนอาร์ต (Falun Art) 12 คนโดยไม่มีการจัดเก็บค่าเข้าชมแต่อย่างใด

วัตถุประสงค์เพื่อนำเสนองานศิลปะ ที่สะท้อนเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมโลกปัจจุบัน เกี่ยวกับการบำเพ็ญจิตและชีวิตดังกล่าว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม ฝ่าหลุนต้าฝ่า(หลักธรรมใหญ่ฝ่าหลุน หรือฝ่าหลุนกง (พลังฝ่าหลุน) ภาพวาดชุดนี้จัดได้ว่าเป็นแนว “นิว เรเนสซองต์” หรือการฟื้นฟูศิลปวรรณคดีขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

งานศิลปะในอดีตยุคเรเนสซองต์ ที่เน้นคุณค่าทางศีลธรรม และความเชื่อต่อเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ศิลปินยุคนั้นตระหนักดีถึงอิทธิพลของงานศิลป์ต่อความนึกคิดและจิตใจของมนุษย์และสังคม ดังนั้นพวกเขาจึงสร้างงานด้วยความรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์และตนเองในฐานะศิลปิน เช่นเดียวกับภาพวาดกลุ่มศิลปินฝ่าหลุนอาร์ต ที่ริเริ่มการฟื้นฟูงานศิลป์ที่เป็นอมตะขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และเป็นการฟื้นฟูศีลธรรมโดยผ่านงานศิลป์ที่งดงามและมีเนื้อหาร่วมสมัยง่ายต่อการซาบซึ้งเข้าใจของผู้ชม

ภายในงานก็จะมีการจัดการแสดงสาธิตการฝึกฝ่าหลุนกง และเล่นซอสองสายกับกู่เจิง ทั้งยังมมีการสอนพับกระดาษ เป็นรูปดอกบัว ที่น่ารัก สวยงาม และทำได้ไม่ยากให้กับผู้สนใจ ได้ตลอดเวลา

ข้างในกำแพง


ข้างในกำแพง
11 ธันวาคม 2553 – 6 มกราคม 2554
ชั้น 2 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ศิลปิน : เรืองศักดิ์ อนุวัตรวิมล, ชลิตาภรณ์ ยามูล, ชรินทร ราชุรัชต, Jeff Gompertz และ Rupert James ภัณฑารักษ์ : โบ นิกันติ์ วะสีนนท์

แสงไฟสีสันเรืองรองออกมาจากห้องที่ถูกฉาบเคลือบจนไม่สามารถมองเห็นที่มาของแสงสีเหล่านี้ได้ เชื้อเชิญให้ผู้ชมเข้าไปพบกับเนื้อหาของตัวงานที่ติดตั้งอยู่ภายใน

5 ศิลปินสำรวจและรำลึกถึงการสูญเสียจากเหตุการรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมของปีนี้ ชิ้นงานประกอบด้วยเค้าโครงความคิดที่ค้นหาความหมายของความเป็นชนชาติ โฆษณาชวนเชื่อที่สร้างขึ้นเพื่อที่จะควบคุมความรู้สึกนึกคิดของประชาชนหมู่มาก และนิยามความสับสนกระอักกระอ่วนที่เกิดขึ้นจากการขัดแย้งแบ่งแยกของคน

งานศิลปะสื่อการจัดวาง ประติมากรรม การฉายภาพ และภาพพิมพ์กราฟิก ถูกบรรจุในห้องต่างๆของชั้น 2 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพ กำแพงทางความคิดถูกสลายลงเพื่อให้แสงสว่างกับประเด็นที่คนทั่วไปอาจไม่ให้ความสำคัญ มองข้าม หรือหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญและพูดถึง

"หลากสีสัน หลากอารมณ์ ที่เชียงราย" โดย ธีรยุทธ สืบทิม



9 Art Gallery / Architect studio

มีความยินดีขอเรียนเชิญท่านร่วมเป็นเกียรติ

ในพิธีเปิดนิทรรศการศิลปกรรม "หลากสีสัน หลากอารมณ์ ที่เชียงราย" โดย ธีรยุทธ สืบทิม

โดย คุณชัชวาลย์ พริ้งพวงแก้ว ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน

ในวันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม 2553 เวลา 19.00 น. ณ 9 Art Gallery / Architect Studio เชียงราย(ช้าย 80 ม.จากห้าแยกพ่อขุนเม็งรายไปทางแม่จัน)





จิตรกรรมสีน้ำของธีรยุทธ สืบทิม
ธีรยุทธ สืบทิม เป็นศิลปินชาวฉะเชิงเทราวัย 43 ปี ธีรยุทธศึกษาศิลปะพื้นฐานที่โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ และ เพาะช่าง
ต่อ เนื่องจนจบปริญญาจิตรกรรมที่เทคโนโลยีราชมงคล (ปทุมธานี) จิตรกรรมโดยรวมของธีรยุทธเป็นรูปแบบเหมือนจริง ของดอกไม้เมืองเหนือ กับบ้านเรือนผู้คนบนดอยสูง จาก 18 ปีที่แล้วเขาได้เดินทางมาพำนัก,ทำงานศิลปะที่เชียงใหม่ ที่นี่ได้เปลี่ยนลม หายใจ พัฒนาแนวทางการเขียนสีน้ำของธีรยุทธ จนเกิดแนวทางเฉพาะ ทั้งเรื่องราวและเทคนิควิธีการ จากวิถีชีวิต ของชาวเขาในสภาพสิ่งแวดล้อมที่ปลอดโปร่ง ผสานบรรยากาศในภูมิภาคหนาวเย็นของ ขุนเขาที่สงบนิ่ง, เรียบง่าย จิตรกรรมสีน้ำของเขาได้ถูกถ่ายทอดขึ้นมาด้วยความปราณีต เป็นขั้น เป็นตอน จากพื้นเป็นภาพ ค่อยๆบรรจงแตะ ป้าย ตวัดขึ้นลงไปมา ด้วยภูกันขนาดเล็ก ด้วยสมาธิจิตที่สงบนิ่งแน่วแน่ ผสานภายนอก-ภายใน จากแบบที่มองเห็น กับใจที่ควบคุมการเป็นไปของมือและสี เกิดเป็นภาพจิตรกรรมที่สะอาด บริสุทธิ์ ปีติสุขของผู้คนบนดอยสูง กับบรรยากาศเย็นสบายของฤดูหนาวที่ชุ่มฉ่ำ เป็นไป กับสีน้ำชุ่มโปร่งเห็นพื้นผิวกระดาษ ที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้สะอาด บริสุทธิ์ และละเอียด เป็นแบบเฉพาะตนที่บอกได้ทันทีที่มองเห็นว่าเป็นผลงานของเขา
ผล งานจิตรกรรมที่กระทำต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันที่เขาได้มาพำนักอาศัยถาวรที่ เชียงรายอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้างในรูปแบบ จากภาพรวมของดอกไม้ใต้ชายคาบ้าน เรือน เข้าใกล้เห็นเพียงกลุ่มช่อดอก กลีบดอกและเกสร หากแต่บรรยากาศและเทคนิควิธีการยังคงเดิม แต่เพิ่มเนื้อหาในสีสันและการ ปะทะตรงกับการดูและสัมผัส เหมือนการเด็ดดอกไม้มาชื่นชม ดมเห็นหอมอยู่ตรงหน้า ดั่งการเดินทางที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ตัวตนทะลุเข้าไป ในจิตใจของศิลปินผู้สร้าง ธีรยุทธกำลังประกาศตัวตนกับสีน้ำในภูมิทัศน์,มวลดอกไม้ที่นี่ เพื่อยืนยันใน วิถีทางที่ดำเนินมา และจะดำเนินต่อไปอย่างมั่นคง

เวลาเปิดทำการ 10.00 น.-20.00 น.(เว้นวันจันทร์)
นิทรรศการจะเปิดให้ชมถึงวันที่ 13 มกราคม 2554
โทร 0-5371-9110, 083-152-6021
e-mail:artgallery9@hotmail.com
http://9artgallery.com/December%202010.html

วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

นิทรรศการภาพพิมพ์ : เล็ก รวม (small & mix)


คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
จัดแสดงนิทรรศการภาพพิมพ์ : เล็ก รวม (small & mix)
วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม 2553 เวลา 18.00 น.
ณ ห้องจำหน่ายผลงานศิลปะนักศึกษา (The Art Gallery) คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
โดย อาจารย์พดุงศักดิ์ คชสำโรง รองคณบดีฝ่ายบริหาร เป็นประธานในพิธี
นิทรรศการจัดแสดงระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2553 – 31 มกราคม 2554

ที่มาของการจัดงานนิทรรศการ
คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ดำเนินการเปิดห้องจำหน่ายผลงานศิลปะนักศึกษา (The Art Gallery) มาตั้งแต่ พ.ศ. 2552 เพื่อแสดงผลงานศิลปะของบุคลากร และนักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ และนำผลงานศิลปะมาจำหน่ายในราคาย่อมเยา เนื่องจากคณะวิจิตรศิลป์ มีบุคลากรทางด้านศิลปะ และการออกแบบ ซึ่งทำการสอนและผลิตผลงานทางด้านศิลปะ ที่มีคุณภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง

ทาง The Art Gallery จึงจะได้จัดนิทรรศการงานศิลปะภาพพิมพ์ของนักศึกษา ขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม 2553 เวลา 18.00 น. เพื่อเผยแพร่ผลงานของนักศึกษา พร้อมจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไปผู้สนใจ ทำให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้ และมีประสบการณ์ ในการสร้างสรรค์ผลงาน รวมถึงมีรายได้เพื่อสนับสนุนการศึกษา พร้อมทั้งเป็นการประชาสัม พันธ์ ห้องจำหน่ายผลงานศิลปะนักศึกษา (The Art Gallery)
ให้เป็นที่รู้จักแก่สาธารณชนมากยิ่งขึ้น ผลงานที่นำมาจัดแสดงมาจำนวนทั้งสิ้น 50 ชิ้นงาน

ห้องจำหน่ายผลงานศิลปะนักศึกษา (The Art Gallery) เปิดตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์
เวลา 9.30 – 17.30 น. หยุดวันเสาร์ และวันอาทิตย์

คณะวิจิตรศิลป์ โทรศัพท์ 053-211724 ผู้ส่งข่าว (ดวงใจ ) 086-1900699
ห้องจำหน่ายผลงานฯ (The Art Gallery) โทรศัพท์ 053 – 944823 www.finearts.cmu.ac.th


เมซโซทินท์ (Mezzotint): คุณค่าแห่งความเพียรอันละเอียดอ่อนของศิลปะภาพพิมพ์ที่ควรสะสม


เมซโซทินท์ (Mezzotint): คุณค่าแห่งความเพียรอันละเอียดอ่อนของศิลปะภาพพิมพ์ที่ควรสะสม

ภาพพิมพ์เมซโซทินท์ เป็นเทคนิคดั้งเดิมแต่โบราณที่สืบทอดกันมา ซึ่งมิได้แพร่หลายมากนัก อีกทั้งต้องใช้ทักษะเป็นอย่างมากจากการโยกกดเครื่องมือเฉพาะทาง ลงไปบนผิวหน้าของแผ่นทองแดงเพื่อเก็บซับหมึกพิมพ์ถึง 16 ทิศทาง ก่อนจะทำการฝนถูให้เกิดน้ำหนักของแสงเงา ประหนึ่งการวาดเส้น เพื่อให้เกิดรูปทรงที่มีน้ำหนักอ่อนแก่บนพื้นที่ว่างสีดำสนิท ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ ล้วนต้องอาศัยเทคนิคฝีมือความละเอียดอ่อน ความชำนาญ และความเพียรพยายามอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ ซึ่งนับวัน จะหาศิลปินที่มีความสามารถในการพิมพ์ภาพด้วยเทคนิคเมซโซทินท์นี้ได้น้อยลงทุกที แม้ในวงการภาพพิมพ์ระดับโลกก็ตาม

งานภาพพิมพ์เมซโซทินท์พระบรมฉายาลักษ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นโดยศิลปินภาพพิมพ์เมซโซทินท์ระดับโลกของไทย บุญมี แสงขำ ผลงานของเขาเคยได้รับรางวัลจากการประกวดศิลปกรรมระดับประเทศมาแล้วหลายครั้ง มีผลงานร่วมแสดงในนิทรรศการที่สำคัญ ทั้งในและต่างประเทศหลายแห่ง เป็น 1 ใน 5 ศิลปินจากทั่วโลกที่ได้รับรางวัลเกียรติยศจากการประกวดภาพพิมพ์โลหะ XI International Print Biennial Caixanova 2010

สนใจสั่งจองผลงาน ภาพพิมพ์เมซโซทินท์ พระบรมฉายาลักษณ์ ของขวัญล้ำค่าช่วงเทศกาลพิเศษ สำหรับ
แขกคนพิเศษของคุณ ขนาด (รวมกรอบ) 51.5 x 47 ซม. ในราคาภาพละ 5,000 บาท
ติดต่อหอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล 0-2422-2092, 08-4772-2887
หรือทางอีเมล์ ardelgallery@gmail.com

ARDEL Gallery of Modern Art
หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล
Tel: 0-2422-2092,084-772-2887 Fax : 0-2422-2091
E-mail : ardelgallery@gmail.com
Website : www.ardelgallery.com
Open hour : 10:30~19:00 hrs.(Closed on Monday)

จรูญ บุญสวน “จิตรกรรมนามธรรม 2507-2525”



จรูญ บุญสวน “จิตรกรรมนามธรรม 2507-2525”
CHAROON BOONSUAN “ABSTRACT PAINTING 1964-1982”

ชีวิตช่วงแรกๆของอ.จรูญ บุญสวน ได้คิดค้นทดลองเทคนิคใหม่ๆในการทำงานนามธรรม เพื่อจำหน่ายในรูปแบบการ์ดขนาดเล็ก บ้างใหญ่บ้างชิ้นต่อชิ้น ตั้งแต่ปี 2507 จนเลิกทำ ราวๆปี2525 นับเนื่องถึงปัจจุบันผ่าน 28-46 ปี ในปัจจุบันนี้ หลายๆคนอาจไม่เคยทราบว่า อ.จรูญ เคยสร้างผลงานแนวนามธรรมมาก่อน ด้วยตัวผลงานที่มีคุณค่า และรูปแบบเทคนิคที่สวยงาม เราได้รวบรวมผลงานที่แตกต่างจากที่เคยเห็น
และเป็นผลงานนามธรรมชุดสุดท้ายของ อ.จรูญ ที่ผ่านกาลเวลาเกือบครึ่งศตววษ เราได้รวบรวมมาเพื่อจัดแสดง ที่ tree talk gallery and restuarant ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2553 ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2554
เวลา 11.00-21.00 น. ทุกวัน

เนื่องจากผลงานมีจำนวนไม่มากนักหากสนใจผลงานชิ้้นใดสามารถจองได้ล่วงหน้าก่อนวันงาน
โดยดูผลงานจากรูปถ่ายที่แนบมา ขนาดผลงานโดยประมาณ 21 x 26 cm. รวมโฟโต้บอร์ดและกรอบสีดำขนาดโดยประมาณ 44 x 49 cm. ราคา 27,500.- บาท

ขนาดผลงานโดยประมาณ 8 x 10 cm. รวมโฟโต้บอร์ดและกรอบสีดำขนาดโดยประมาณ 30 x 32 cm.
ราคา 8,500.- บาท (รูปขนาดเล็กไม่มีรูปแนบ) สามารถนัดดูผลงานจริงได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2553
tree talk gallery and restuarant

รายละเอียดรูปผลงาน สามารถดูได้ที่นี่

สนใจผลงานของ อ.จรูญ บุญสวน ติดต่อ
086 787 8031 บุ๋ม
084 1144 174 บุ๋ม
087 4945 255 นุ้ย
089 478 8875 ติ๊น

แผนที่ Tree Talk Gallery and Restuarant

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สมองแจ่ม


สมองแจ่ม
ระยะเวลาแสดงงาน: วันนี้-26 ธันวาคม 2553
สถานที่: ห้องนิทรรศการ ชั้น 7
ผู้จัด: กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม

นำเสนอให้เห็นถึงพรสวรรค์ของนักสร้างสรรค์ไทย ผนวกกับศักยภาพในการช่วยกันสร้าง ผลงานและโอกาสขับเคลื่อนสังคมโลก ซึ่งจะเป็นการทำให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานอีกมากมายได้รู้สึก มั่นใจ และมีความภาคภูมิใจที่จะกล้าขับเคลื่อนมิติต่างๆ ออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม

นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “สีแสงแสดงชีวิต”



นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “สีแสงแสดงชีวิต”
ระยะเวลาแสดงงาน: 10 ธันวาคม 2553-6 กุมภาพันธ์ 2554
พิธีเปิดนิทรรศการ: 10 ธันวาคม
สถานที่: ห้องนิทรรศการ ชั้น 8
ผู้จัด: หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี จำนวน 166 ภาพ เป็นภาพถ่ายจากการเสด็จเยือนตามที่ต่างๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศในช่วงระยะปี 2553

อัปสรา : The Human Flowers



เดอะพิคเจอร์แกลเลอรี ขอเรียนเชิญท่านให้เกียรติในพิธีเปิดนิทรรศการ “ อัปสรา : The Human Flowers ” ณ ห้องแสดงนิทรรศการ เดอะพิคเจอร์แกลเลอรี ในวัน อังคาร ที่ 14 ธันวาคม 2553 ในเวลา 18:30 น.

ในเดือนสุดท้ายของปีนี้ นิทรรศการของเดอะพิคเจอร์แกลเลอรี เป็นการแสดงผลงานอันน่าตื่นตาตื่นใจ ของภาพถ่ายร่วมสมัย และภาพถ่ายเก่าสมัยโบราณ ตั้งแต่ปี 1900 ที่ถูกนำมารวบรวมไว้อยู่ในหนังสือของคุณ Christophe Loviny " The Apsaras of Angkor "















“ อัปสราเป็นตำนานโบราณเกี่ยวกับหญิงงามของสรวงสวรรค์ ผู้ซึ่งคอยส่งสาส์นจากโลกมนุษย์ เกี่ยวกับความปิติและสิ่งดีงาม ระหว่างกษัตริย์ของกัมพูชาและเทพเจ้าของพวกเขา การร่ายรำที่มีมนตร์ขลังนี้ ได้เปลี่ยนชีวิตของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งให้กลายเป็นผู้วิเศษณ์ และเป็นมากกว่ามนุษย์ผู้หญิง หรือนางรำธรรมดา ซึ่งเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์เหล่านี้ ได้ถูกบันทึกและถ่ายทอดผ่านมุมกล้องของศิลปิน Christophe Loviny ”














ร่วมรับรู้เรื่องราวและสภาวะอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา, นิทรรศการนี้จะทำให้ทุกคนได้เห็นและสัมผัสถึงมรดกทางประเพณีที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของโลก ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาเป็นเวลายาวนาน

พร้อมกันนั้นในนิทรรศการนี้ ท่านจะยังได้ชื่นชมกับผลงานพิมพ์ลงบนผ้าไหม ของ ภาพร่างสีน้ำจากศิลปินชื่อดัง โอกุส โรแดง ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1906 โดยมีเรื่องราวเกียวกับนางรำจากราชสำนักของกัมพูชา พร้อมด้วยพระเจ้า Sisowath กษัตริย์แห่งกัมพูชาในเวลานั้น ขณะที่ทรงเสด็จไปเจริญสัมพันธไมตรี ณ เมือง Marseille ประเทศฝรั่งเศส

และนี่คือช่วงเวลาสำคัญของการแสดงภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง จัดแสดงเฉพาะที่เดอะพิคเจอร์แกลเลอรี นิทรรศการเปิดให้ท่านชมจนถึงวัน ศุกร์ที่ 14 มกราคม 2554

เดอะพิคเจอร์แกลเลอรี เปิดทำการ
วันอังคาร- วันอาทิตย์ เวลา 10:00 น. – 19:00น
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้ที่
โทรศัพท์ 02 662 8359 อีเมลล์ art@thepikturegallery.com
หรือชมข้อมูลผ่านเว็บไซต์ได้ที่ www.thepikturegallery.com

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “นพราชจริยา สรรเสริญพระบารมี”






นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๓ พรรษา

“นพราชจริยา สรรเสริญพระบารมี”

โดยบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) , บริษัทในเครือ และศิลปิน สุวิทย์ ใจป้อม



เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธันวาคม 2553 นายสุวิทย์ ใจป้อม ศิลปินผู้รังสรรค์ภาพจิตรกรรม มีความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

ด้วย สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ศิลปินสุวิทย์ ใจป้อม จึงจัดทำภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อสดุดีและน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวภายใต้ชื่อนิทรรศการพระบรมสาทิสลักษณ์เฉลิมพระเกียรติ “ นพราชจริยา สรรเสริญพระบารมี” ซึ่งจะมีการเปิดนิทรรศการ วันที่ 3-30 ธันวาคม 2553 โดยมี บริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้การสนับสนุน จัดนิทรรศการขึ้น ณ อาคารชินวัตรทาวเวอร์ ๑ โดย รศ.ดร.วิรัช อภิเมธีธำรง และคุณสมประสงค์ บุญยะชัย เป็นประธานในพิธี
























พระบรมสาทิสลักษณ์ที่จัดแสดงในครั้งนี้เป็นภาพที่แสดงถึงพระราชกรณียกิจพระอัจริยภาพ และพระจริยวัตรอันงดงาม ตลอดพระชนมพรรษา 83 พรรษา และตลอดการครองสิริราชสมบัติ 64 ปี โดยใช้เทคนิคการเขียนภาพเครยองเพื่อถ่ายทอดผลงาน นอกจากนี้ ภายในงานมีการจำหน่ายภาพพิมพ์ ภาพพระบรมสาทิสลักษณ์เฉลิมพระเกียรติที่นำมาแสดงในงานนี้ โดยนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายช่วยเหลือผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผ่านพระอุดมประชาทร วัดพระบาทน้ำพุ นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

























แรงบันดาลใจในงานนิทรรศการครั้งนี้
เป็นความศรัทธา ความประทับใจที่กระผม มีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ จึงได้อันเชิญรูปพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระองค์ท่าน ฯ เป็นต้นแบบในการถ่ายทอดผลงาน และได้ใช้ความเพียรอย่างต่อเนื่องในการสร้างผลงานมาตลอด ดั่งปณิธานที่ตั้งไว้ เมื่อครั้งได้อ่าน พระราชโอวาท ในพระองค์ เรื่องความเพียรว่า
การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ ความเพียร ต้องใช้ความอดทน เสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือความอดทนคือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันครึทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดีไม่ครึต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตนเอง
























พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์ในโอกาสเข้าเฝ้าฯวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๖ และได้ปฎิบัติเสมอมาดั่งที่เคยบอกไว้แล้วว่า กระผม ได้ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อวาดภาพด้วยใจรักในศิลปะ ซึ่งผลงานของกระผมในครั้งนี้ จะเป็นเทคนิคเกรยอง ทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ได้จัดนิทรรศการในนิทรรศการครั้งแรก คือนิทรรศการศิลปกรรมเฉลิมพระเกียรติ “ดวงใจแผ่นดิน” จัดที่อาคารธนิยะ พลาซ่า เมื่อ ธันวาคม 2551 ครั้งที่ 2 งานนิทรรศการศิลปกรรมเฉลิมพระเกียรติ “สรรเสริญ แซ่ซ้อง สดุดี 82พรรษา” เมื่อ ธันวาคม 2552 ครั้งที่ 3 นิทรรศการศิลปกรรมเฉลิมพระเกียรติ “สรรเสริญพระบารมี” เมื่อ ธันวาคม 2553 ณ. 9 Art แกลลอรี่ เชียงราย และในครั้งนี้

นิทรรศการพระบรมสาทิสลักษณ์เฉลิมพระเกียรติ “นพราชจริยา สรรเสริญพระบารมี” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-30 ธันวาคม 2553 เวลา 09.00-18.00 น. ที่ ชั้น G อาคารชินวัตร 1 ถนนพหลโยธิน 8 สามเสนใน พญาไท กทม.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.08-1915-7744หรือ www.visualizer-club.com

e-mail: wit-76@hotmail.com

เพิ่มเติมที่นี่...

http://www.visualizer-club.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1879#21531

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม